“แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน

จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย”

(มาระโก 7:20-21)

มีสุภาษิตไทยประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า

 “น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอกซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายความว่า  แม้จะไม่พอใจก็ยังแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม”

มีความอดทนอดกลั้น เก็บความไม่พอใจไว้ภายใน

แสดงออกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตร

มันเป็นการยากที่เราจะพยายามทำให้กิจการของเราเป็นกิจการที่ดี

เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักแท้จริงอย่างใสสะอาดบริสุทธิ์ใจ

ถ้าภายในจิตใจยังแอบแฝงด้วยความคิดชั่วร้าย หมายมั่นแต่ผลประโยชน์ของตน

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบโทษนั่น โน่น นี่ ก่อนที่จะโทษตนเอง

ชายหนุ่มลูกจ้างรับเงินเดือนตามอัตราค่าจ้างอย่างยุติธรรม

เขามีภาระหนี้สินมากมายทำให้เงินเดือนไม่พอใช้ในแต่ละเดือน

เขาโทษอัตราเงินเดือนว่าน้อยนิด โทษบริษัทที่ทำให้รายรับของเขาไม่พอกับรายจ่าย

โทษสังคมว่าดูแลคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้ไม่ดี

ชุมชนหนึ่งเมื่อถึงหน้าฝนทีไรน้ำก็ท่วมทุกที

ขยะลอยล้นเอ่อไปตามน้ำที่ท่วมส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง

ผู้คนในชุมชนโทษหัวหน้าชุมชนว่าบริหารจัดการน้ำท่วมและขยะไม่ดีพอ

แต่ไม่เคยเห็นว่าตนเองสร้างขยะในชุมชนมากน้อยเพียงใด

เราต่างมองความผิดพลาดของคนอื่นมากกว่ามองความผิดพลาดของตนเอง

เราจึงขุดเอาขยะในใจของเราออกมาแสดงให้คนรอบข้างรับรู้

ฉันเองก็พยายามฝึกฝนตนเองให้รู้จักพิจารณาตนเองก่อนไปโทษผู้อื่น

พยายามเตือนและสอนตัวเองให้ดีก่อนไปเตือนและสอนคนอื่น

ฉันรู้ตัวเองดีว่ายังเป็นแบบอย่างที่ดีให้ใครเต็มที่ไม่ได้เพราะตัวฉันเองก็ยังไม่ดีพอ

ฉันมองเห็นความผิดบาปของตนเองชัดเจนเสมอแม้คนรอบข้างจะไม่เห็น

ฉันจึงไม่ใคร่อยากจะตำหนิติเตียนความผิดพลาดของผู้อื่นมากนัก

ฉันพยายามฝึกฝนตนเองให้รู้จักน้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก

เพื่อว่าสักวันหนึ่ง น้ำใสๆนั้นจะค่อยๆซึมซับเข้าไปภายในจิตใจฉันด้วย

จากการนำเสนอน้ำใสไว้นอกจนเป็นกิจนิสัย

กิจการที่ทำจนเป็นกิจนิสัยจะติดตัวเราไป

และถูกพัฒนาทั้งทางด้านความคิด การกระทำและออกมาเป็นคำพูด

“ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้องบน”

(ยากอบ 1:17)

สิ่งสำคัญที่จะคอยหล่อหลอมชีวิตของฉัน

ให้พัฒนาจิตใจของตนเองให้เป็นใจที่ใสบริสุทธิ์ก็เห็นจะมีหนทางเดียว

คือการเปิดใจรับพระวาจาของพระเจ้า

เปลี่ยนดวงใจให้เป็นเหมือนดวงใจของพระเจ้า

เหมือนเนื้อหาของบทเพลงหนึ่ง ชื่อเพลงว่า “เปลี่ยนจิตใจ”

ที่ร้องขับขานไว้ว่า

“เปลี่ยนจิตใจลูกเถิด  โปรดให้เป็นหัวใจ

ที่มีไฟรักยิ่งใหญ่ เหมือนหัวใจพระองค์

พระองค์คือช่างปั้น  ลูกนั้นเป็นเหมือนดิน

กายใจลูกมอบสิ้น   ขอยลยินภาวนา”

ฉันเฝ้าวิงวอนขอพรจากพระเจ้าให้ตนเองมีจิตใจที่เข้มแข็ง

มีความกล้าหาญพอที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดีที่จะเข้ามาโน้มน้าวจิตใจให้ไหวเอน

ปรารถนาจะรักษากายใจของตนให้พ้นจากมลทินของโลก

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมีสิ่งยั่วยุเข้ามาให้ฉันต้องฝึกฝนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

และ “การรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก” นั่นยากยิ่งนัก

แต่ฉันก็มั่นใจว่าการฝึกฝนตนให้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าเท่านั้น

ที่จะหล่อหลอม และเป็นแสงนำทางฉันให้เดินตรงทางที่สุด

โปรดทรงปั้นดวงใจของลูกให้เป็นเหมือนดวงใจของพระองค์

.....................................