“ในองค์พระคริสตเจ้านี้

เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้า

ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่ง

ให้เป็นไปตามแผนการนั้น”

(เอเฟซัส1:11)

พระเจ้าทรงวางแผนการแห่งความรักและเมตตา

เพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติได้รอดพ้นจากบาปร้าย

ด้วยเพราะว่า มนุษย์เป็นสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงรัก

และทรงสร้างมาเป็นพิเศษตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า

เป็นภาพลักษณ์ที่พิเศษที่แต่ละคนต่างมีพระพรแตกต่างกันไป

ตามความเหมาะสมที่พระเจ้าทรงประทานให้

เพื่อให้พระพรนั้นเติมเต็มซึ่งกันและกัน

สร้างความสมานสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ข้าพเจ้าชอบถ้อยคำที่นักบุญเปาโลบันทึกไว้ว่า

“เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้า”

เช่นนี้แหละเราแต่ละคนจึงเป็นคนพิเศษที่มีความพิเศษแตกต่างกันออกไป

ข้าพเจ้าเฝ้าเตือนตัวเองอยู่เสมอให้ใช้พระพรของตนให้เป็นประโยชน์

ใช้พระพรด้วยความสุภาพถ่อมตนไม่เย่อหยิ่งจองหอง

เพราะพระพรนั้นเป็นของประทานพิเศษของพระเจ้า

เมื่อยังเล็กข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองช่างไม่มีคุณค่าเอาเสียเลย

ขาดพระพร ขาดความสามารถพิเศษ เป็นคนอ่อนแอ และโง่ยิ่งนัก

ความรู้สึกเช่นนั้น เกิดจากการที่ข้าพเจ้าไม่แสวงหาพระพรที่ตนเองมี

แต่กลับเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนรอบข้าง

ปรารถนาที่จะเป็น และมีเช่นคนรอบข้าง

พระพรที่ข้าพเจ้ามีจึงถูกเก็บเงียบและนอนนิ่งอยู่ในตัวของข้าพเจ้าอย่างไร้คุณค่า

จวบจนข้าพเจ้ามองเห็นคุณค่าของตนเองและเริ่มแสวงหาพระพรที่ตนเองมี

ใช้พระพรนั้นเพื่อรับใช้ผู้อื่นด้วยความอดทน

ทำไมจึงต้องด้วยความอดทนนั้นหรือ

เพราะกว่าพระพรนั้นจะได้รับการยอมรับ

จนสามารถเผยแสงสว่างแห่งพระนั้นออกมาได้

ย่อมต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

ผ่านถ้อยคำดูถูก หมิ่น เหยียด ผ่ายสายตาที่ไม่เชื่อถือ ไม่ยอมรับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นยิ่งทำให้ข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่า

ข้าพเจ้าเป็นสิ่งสร้างที่พิเศษของพระเจ้า และไม่เหมือนใคร

ข้าพเจ้าเริ่มภาคภูมิใจในพระพรพิเศษของตนเอง

ภาคภูมิใจในความเป็นตัวข้าพเจ้า

ยอมรับในจุดเด่นจุดด้อยของตนเองได้

พร้อมพัฒนาตนเอง ปรับปรุง แก้ไขความบกพร่องของตนเอง

เพื่อเป็นคนพิเศษของพระเจ้าที่ดียิ่งๆขึ้นไป

รวมไปถึงข้าพเจ้ารู้จักที่จะยอมรับในพระพรพิเศษของผู้อื่น

ชื่นชมยินดีในพระพรของคนรอบข้าง

ยอมรับในข้อบกพร่องของกันและกัน

และมองผู้อื่นด้วยความชื่นชมยินดี

…………………………….

ของประทาน ของพระเจ้า นั่นดีเลิศ

แสนประเสริฐ เกิดคุณค่า รักษามั่น

อีกพระพร  พระเมตตา  ค่าอนันต์

เพื่อเติมเต็ม กันและกัน  หมั่นทำดี

เหมือนสายฝน  จากฟากฟ้า  สุราลัย

ดั่งพระพร  ที่ยิ่งใหญ่  ให้โลกนี้

ผืนดินชุ่ม  อุ้มน้ำหล่อ  ต่อชีวี

พืชขจี  เลี้ยงชีวี  ต่อชีวา

“ใช่แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร

และแผ่นดินของเราก็จะได้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย”

(สดุดี 85:12)

ในสวนเกษตรไร่พอเพียงของข้าพเจ้า

ทุกๆวันเราจะต้องรดน้ำจากคลองน้ำที่ไหลผ่าน

ข้าพเจ้าสังเกตว่า น้ำที่เราเพียรรดทั้งเช้าและเย็น

สามารถหล่อเลี้ยงพืชพรรณได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

นั่นคือรดเช้าแล้วต้องมารดเย็นด้วยในวันที่แสงแดดแผดเผา

แต่ในวันใดที่สายฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า

วันนั้นพืชพรรณดูงดงาม ผลิดอกออกใบสง่าตั้งแต่เช้าจรดเย็น

โดยมิต้องรดน้ำใดๆเพิ่มเติมเข้าไปเลย

พืชพรรณดูชูช่อออกดอกออกใบอย่างแข็งขัน

ธรรมชาติหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตบนโลก

เป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้โลกของเรา

เพื่อให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงรักได้พึ่งพาอาศัยอย่างมีความสุขสมบูรณ์

เช่นเดียวกัน พระพรพิเศษของพระเจ้าที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้า

ย่อมมีคุณค่าเพื่อเติมเต็มกันและกันให้สมบูรณ์สวยงาม

.....................................