“ดังนั้น ผู้ที่คิดว่าตนยืนหยัดมั่นคงอยู่

พึงระวังอย่าให้ล้ม”

(1 โครินธ์ 10:12)

มีถ้อยคำสอนใจประโยคหนึ่งกล่าวว่า

“ผู้ประมาท ถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายแล้ว”

นั่นคือ การดำเนินชีวิตอย่างขาดความรอบคอบ  ขาดความรู้เท่าทันสถานการณ์

หรือขาดหลักธรรมประจำใจ

เมื่อมีสื่อ หรือเหตุการณ์เข้ามาทำให้หวั่นไหว

พวกเขาก็ไม่สามารถยืนหยัดในความถูกต้องได้

หรือมั่นคงในเส้นทางชอบธรรมได้

ดังนั้น เขาจึงเหมือนคนที่ตายแล้ว

เพราะชีวิตของเขาเดินหลงออกนอกทางแห่งความสว่างไปเสีย

การดำเนินชีวิตบนความไม่ประมาทในทุกวิถีทาง

จึงเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต

โดยเฉพาะการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบัน

ที่พร้อมพรั่งไปด้วยหนทางแห่งความตาย

และมากล้นไปด้วยทางเลือกของความประมาททั้งสิ้น

ในส่วนนี้คือความประมาทในการดำเนินชีวิต

อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่ามันจะออกเป็นแนวทางในทางลบเสียมากกว่า

นั่นคือ ข้าพเจ้าเคยได้ยินคำๆ หนึ่งกล่าวไว้ว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว”

“ยิ่งมีอำนาจหน้าที่ ยิ่งว้าเหว่ โดดเดี่ยว”

พวกเขาจะล้มไม่ได้เลย เพราะมีผู้คนพร้อมจะซ้ำเติมเขา

หากการปกครองคนของเขาขาดความชอบธรรม

ดังนั้น เขาจะต้องพยายามยืนหยัดในอำนาจหน้าที่ของเขาต่อไป

ในส่วนนี้ ข้าพเจ้าเองก็เห็นว่า พระวาจาของพระเจ้ามีคุณค่ายิ่งนัก

ยิ่งหากเรามีอำนาจหน้าที่มากขึ้น

นั่นหมายความว่า เราต้องทำตัวเป็นผู้รับใช้ให้มากขึ้นด้วย

เหมือนแบบอย่างของในหลวงรัชกาลที่ 9

ที่ได้ทรงประกาศพระราชปณิธานในวันเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติว่า

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม

เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม”

และนับตั้งแต่นั้นมา พระองค์ก็ทรงงานหนัก รับใช้ประชาชนของพระองค์

แบบอย่างความรัก และการรับใช้นี้เอง ที่ข้าพเจ้าคิดถึงขึ้นมาเมื่อใด

ข้าพเจ้าก็รู้สึกตื้นตันในใจ

มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ที่ใครคนหนึ่งจะยอมสละชีวิตของตนเพื่อคนอื่นๆ

ยอมแลกความสุขสบายของชีวิตเพื่อสร้างความสุขให้ผู้อื่น

ทั้งๆที่โอกาสนั้นก็มี

“พระองค์ประทานอภัยความผิดทั้งหลายของท่าน

ทรงรักษาโรคภัยทั้งหมดของท่าน

ทรงช่วยชีวิตท่านให้พ้นจากเหวลึก

ประทานความรักมั่นคงและพระเมตตาเป็นดังมงกุฎแก่ท่าน”

(สดุดี 103:3-4)

ดังนี้แล้ว ข้าพเจ้ายังจะยึดตัวตนของตน ยึดความสะดวกสบายฝ่ายข้างโลก

โดยไม่คำนึงถึงคนรอบข้างต่อไปอีกหรือ

โดยเฉพาะในเทศกาลมหาพรตนี้

ซึ่งคริสตชนหลายคนขาดความใส่ใจในการตัด สละ ลด ละ เลิกไปเสียแล้ว

เพราะเหมือนว่า เทศกาลนี้เป็นเทศกาลของความยากลำบากในการดำเนินชีวิต

ลดความอยากมี อยากได้ ก็ยากยิ่งนัก

ลดความเห็นแก่ตัว  ความมีทิฐิ การคิดร้าย กล่าวร้ายก็ยากกว่า

หลายคนจึงไม่ได้จริงจังนักกับเทศกาลมหาพรตนี้

ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ต้องคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยการพยายามมองหาแบบอย่างบุคคลผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อ

บุคคลผู้มีความมั่นคง ศรัทธาในกิจศรัทธา

เพื่อเป็นแรงเสริมให้ตัวเองรู้ว่า อย่าใช้ชีวิตบนความประมาท

และจงเฝ้าระวังอยู่เสมอ เพราะเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใดไม่อาจรู้ได้เลย

.....................................