“พี่น้อง ถ้าท่านได้รับกำลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า

ถ้าท่านได้รับกำลังใจจากความรัก”

(ฟิลิปปี 2:1)

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ข้าพเจ้าได้โพสต์ข้อคำสอนซึ่งเป็น

บัญญัติเอกข้อที่สองของศาสนาคริสต์ความว่า

“รักผู้อื่น”  เหมือน “รักตนเอง”

ก่อนจะโพสต์ข้อคำสอนนี้

ข้าพเจ้าคิดทบทวนแล้วทบทวนอีกว่า

ข้าพเจ้าเป็นแบบอย่างของคำสอนที่จะโพสต์ลงไปนี้หรือไม่

ไตร่ตรองตัวเอง ก็พบว่า อาจจะไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการแสดงออก

ซึ่งความรักต่อผู้อื่นให้เหมือนกับที่รักตนเอง

เพราะเราทุ่มเทให้กับตนเองในทุกๆด้าน ทุกๆทาง  และทุกๆเวลา

แต่ถ้าถามว่า ข้าพเจ้าพยายามที่จะทำตามคำสอนนี้บ้างไหม

ข้าพเจ้าก็ยืนยันว่า ในความอ่อนแอต่อความรักเพื่อผู้อื่นนั้น

ข้าพเจ้าก็พยายามอยู่ไม่ใช่น้อยที่จะคิดก่อนกระทำ คิดก่อนพูดเสมอ

คิดว่าหากเราทำสิ่งนี้ หรือพูดประโยคนี้ออกไป ผู้ถูกกระทำ หรือผู้ฟังจะรู้สึกเช่นไร

แล้วควรกระทำอย่างไร  พูดประโยคใด  ผู้ถูกกระทำจึงจะรู้สึกสุขกาย สบายใจ

ข้าพเจ้าขอแบ่งปันประสบการณ์บางช่วงกับความสัมพันธ์ต่อเพื่อนพี่น้องรอบข้าง

ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ในการเลือกคบเพื่อนสนิทมิตรสหาย

และเพื่อนสนิทมิตรสหายนี่แหละจะบอกได้ว่าเราเป็นคนประเภทใด

ข้าพเจ้าก็มีเพื่อนในกลุ่มที่เขาเรียกกันว่า เคมีเข้ากัน อยู่หลายคน

และก็มีที่ เคมีไม่เข้ากัน อยู่ก็พอสมควร

แต่ไม่ว่าจะเป็นเคมีชนิดไหน จะกรด หรือจะด่าง จะเข้ากันได้หรือไม่ก็ตาม

เราก็เป็นลูกของพระเจ้าเดียวกันมิใช่หรือ

ข้าพเจ้าเคยถูกสายตาดูหมิ่นจากใครบางคน

เคยสัมผัสถึงความเย็นชาของคนบางประเภท

เคยไร้ตัวตนสำหรับคนบางกลุ่ม

ถามว่าข้าพเจ้ารู้สึกอย่างไร  ข้าพเจ้าก็มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา แน่นอนข้าพเจ้าเสียใจ

แต่ในความเสียใจ มันมีพลังงานบางอย่างค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจะเอาชนะใจพวกเขาให้จงได้

ข้าพเจ้าจะเข้าไปนั่งในใจเขาให้ได้

มันใช้เวลา  ใช้การกระทำจากใจ  ใช้ความรู้สึก  ใช้ความอดทน

กว่าเขาจะเปิดใจ และรับเราเข้าไปนั่งในใจของเขา

โดยเฉพาะกับคนที่เคมีไม่เข้ากับเราอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม  ข้าพเจ้าก็ยังเชื่อว่า “ความรักย่อมชนะทุกอย่าง”

และโดยเฉพาะความรักที่พระเจ้าทรงประทับไว้ในจิตวิญญาณของมนุษย์

ซึ่งเป็นความรักที่สมบูรณ์พร้อมเพื่อให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

เหมือนเช่นสมัยอัครสาวกในยุคแรกๆ ที่รวมตัวกัน

นำข้าวปลาอาหารมาแบ่งปันกัน  ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

โดยมีความรักของพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิตหมู่คณะ

ความสัมพันธ์ของเราย่อมไม่สั่นคลอน

“มรรคาทุกสายขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรักมั่นคง

และความสัตย์จริง สำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามพันธสัญญา

และกฤษฎีกาของพระองค์”

(สดุดี 25:10)

ข้าพเจ้าได้รับกำลังใจจากองค์พระผู้เป็นเจ้าฉันใด

ข้าพเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องแบ่งปันกำลังใจที่มีแก้คนรอบข้างฉันนั้นด้วย

เพราะกำลังใจเป็นพลังผลักดันให้ข้าพเจ้าได้ลุกขึ้นสู้ต่อไป

ดังนั้น เมื่อข้าพเจ้ามีพลังแล้ว

ข้าพเจ้าเองก็สมควรจะฉุดผู้ที่กำลังทดท้อให้มีกำลังลุกขึ้นสู้ด้วยเช่นกัน

.......................................

S