“นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์

ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กิน แล้วยังตาย

ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”

(ยอห์น 6:58)

......................................................

ในอดีต พระเจ้าทรงเลี้ยงดูประชากรของพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร

ทรงประทานมานนาและน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตลูกๆของพระองค์

ท่ามกลางอุปสรรค ความทุกข์ยากลำบากมากมาย

เพื่อให้มนุษย์ได้เรียนรู้จักความมีใจสุภาพพอที่จะพึ่งพาพระองค์

แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังคงดื้อรั้น  อวดเก่ง จิตใจแข็งกระด้าง

มั่นใจในความสามารถของตนเองจนขาดความสุภาพนบนอบไปเสีย

ความสุภาพนบนอบจะทำให้เราได้รับความเอื้อเอ็นดู

ได้รับการเกื้อกูล ใส่ใจ  และได้รับพระพรในชีวิตอยู่เสมอ

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

พระบิดาเจ้าก็ไม่เคยทอดทิ้งมนุษย์ให้เดินทางต่อสู้บนโลกนี้เพียงลำพัง

พระองค์ทรงมอบพระบุตรลงมาบังเกิดเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติให้รอดพ้น

ด้วยพระกายและพระโลหิตของพระบุตรนี้เอง

เราจึงได้รับชีวิตนิรันดร

ไม่ใช่มานนาอาหารที่หล่อเลี้ยงเพียงร่างกายมนุษย์เช่นในอดีต

แต่เป็นอาหารที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณเพื่อให้เรามีชีวิตนิรันดร

“เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้

และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้”

(ยอห์น 6:55)

พ่อแม่เฝ้าเตือนข้าพเจ้าและลูกหลานว่า

อย่าละเลยที่จะร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในทุกวันอาทิตย์

นอกจากจะแค่ไม่เพียงละเลยเท่านั้น

ลูกๆควรที่จะเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจอย่างจริงจัง

เพราะเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่วางเฉย อะไรก็ได้  สบายไว้ก่อน

ยิ่งเราละเลยนานเพียงใด  ความเย็นชา ไม่เห็นคุณค่าก็จะยิ่งเกาะกินวิญญาณของเรา

จนในที่สุดเราก็เป็นลูกพระแค่เพียงชื่อเท่านั้น

แต่กิจการไม่ใช่เลย!!!!!

บทเพลงมานนาใหม่ว.พันธุมจินดา

ขับขานเนื้อร้องไว้ท่อนหนึ่งอย่างอบอุ่นอิ่มวิญญาณว่า

 “มานนาอาหารทานแล้วยังตาย
ไม่เหมือนมานนาใหม่ที่ได้จากพระบุตรา
มานนาใหม่นี้เมื่อทานแล้วมีชีวา
หล่อเลี้ยงบำรุงวิญญาณ์ ชีวาคงนิจนิรันดร์”

เพียงมานนา  อาหาร  ประทานมา

เลี้ยงกายา  ให้เติบใหญ่  ได้สุขสันต์

แต่อาหาร  ฝ่ายจิต  คุณอนันต์

เลี้ยงวิญญาณ์  ให้ครบครัน  หมั่นตรึกตรอง

เฝ้าถนอม  กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงเพียงกาย

ไม่เว้นวาย  สรรหา  มาสนอง

กายเติบใหญ่  ใจโหยหา  น้ำตานอง

สิ่งหมายปอง   ตรองดู  คือสิ่งใด

................................................

S