“คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป

แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า

คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้กับตนอง

แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้”

(ลูกา 12: 21)

……………………………

ข้าพเจ้าชมรายการหนึ่งที่นำเราไปเยี่ยมเยียนบ้านของดารานักแสดง

รวมไปถึงผู้มีฐานะทางการเงินอีกหลายท่าน

บ้านที่ใหญ่โตโอ่อ่า   เฟอร์นิเจอร์ที่สวยหรูราคาแพงเป็นเซตเข้าชุด

ที่ถูกตกแต่งอยู่ภายในบ้านอย่างลงตัว

มีแม่บ้าน  มีคนสวน  มีคนงาน  มีพนักงานขับรถ  มีพี่เลี้ยง

และมีธุรกิจมากมายรองรับชีวิตของสมาชิกในตระกูลอย่างดี

แต่แปลกมาก  ที่ทุกบ้านที่พิธีกรเข้าไปเยี่ยม

กลับไม่มีสมาชิกในบ้านที่ออกมาต้อนรับ

ยกเว้นแต่บุคคลเป้าหมายที่จะตอบคำถามเพียงท่านเดียว

บ้านที่ใหญ่โต แต่ดูวังเวง  เงียบเหงา  และเปล่าเปลี่ยว

เตียงนอนที่แสนหรูกว้างขวางแต่นอนแค่คนเดียว

โต๊ะรับประทานอาหารที่รองรับสมาชิกได้เกือบ 20 คน

กลับไม่มีสมาชิกในครอบครัวที่นั่งพร้อมเพรียงในมื้ออาหารแต่ละมื้อ

พื้นที่รอบรั้วบ้านที่มากมายหลายไร่

แต่ไม่เคยมีเวลาเดินสำรวจ เดินหย่อนใจ หยอกล้อกันในครอบครัว

ทุกอย่างถูกซื้อด้วยเงิน

บ้านของข้าพเจ้าหลังเล็ก ชั้นเดียว

ติดเครื่องปรับอากาศห้องเดียว  ยามอากาศร้อน ลูกๆจะมานอนกับข้าพเจ้า

เราเดินออกจากห้องนอนก็จะพบเจอกัน

โตะทานข้าวเล็กๆของข้าพเจ้านั่งทีไหล่แทบจะชนกัน

รอบรั้วบ้านของข้าพเจ้ามีเพียง 50 ตารางวาและห่างไกลชุมชน

วันหยุดข้าพเจ้ามีความสุขกับการเดินเตร็ดเตร่รอบหมู่บ้านกับครอบครัว

เก็บพืชผัก ผลไม้ป่าริมทาง  มองทุ่งข้าวเขียวขจี

ทักทายผู้คนรอบหมู่บ้าน  ชวนกันเก็บกวาดบ้านเพื่อนบ้านที่รกร้าง

ฉันกวาดบ้านเธอยามเธอไม่อยู่  เธอกวาดบ้านฉันยามฉันไม่ว่าง

เราสร้างความสุขร่วมกันกับเพื่อนบ้าน และชุมชน

เราเก็บผลไม้ป่า  ผักสวนครัวมาฝากเพื่อนๆโดยไม่ต้องมีทรัพย์สินเงินทอง

ทุกอย่างถูกซื้อด้วยใจ

..................................................

ในช่วงเริ่มต้นชีวิตมนุษย์เงินเดือนของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าตระหนี่ถี่เหนียวกับการใช้จ่ายอย่างมาก

แต่เมื่อเริ่มต้นทำงาน เริ่มต้นการก้าวสู่สังคมที่กว้างมากขึ้น

ภาษีสังคมก็เริ่มต้นเดินทางเข้ามาในชีวิต

ทั้งการ์ดแต่งงาน  การ์ดงานบวช  งานผ้าป่าสามัคคีที่มีมาไม่ว่างเว้น

ในใจข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกถึงการถูกรุกราน  เบียดเบียน

ต่อความเหนื่อยยากตรากตรำที่ข้าพเจ้าสะสมมา

แต่ข้าพเจ้าก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้เพียงในใจเท่านั้น

ในช่วงเวลานั้น  พระเริ่มต้นสอนข้าพเจ้าผ่านพี่ท่านหนึ่ง

พี่ท่านนี้ให้โดยไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน

ถูกโกงบ้าง เอาเปรียบบ้าง  พี่ท่านนี้ก็ให้อภัยตลอด

ผ่านวัน  ผ่านเดือน  ผ่านปี

ข้าพเจ้ารับรู้ว่านี่ไม่ใช่กิจการแบบฉาบฉวย  แต่เป็นกิจกรรมจากใจ

ที่พี่ท่านนี้กระทำอย่างสม่ำเสมอตลอดมา

ข้าพเจ้าค่อยๆ เลียนแบบกิจการดีเหล่านั้น

ค่อยๆไปทีละน้อย เหมือนค่อยๆทำใจทีละน้อยที่พร้อมจะเสียสละบ้าง

เป็นความจริงแท้แล้ว  ยิ่งให้ยิ่งได้รับ

ข้าพเจ้าจะไม่ขาดแคลนสิ่งใด โดยเฉพาะความรักที่ย้อนกลับคืนมา

ข้าพเจ้าค่อยๆ เรียนรู้ว่า ทรัพย์สมบัติไม่ได้มีค่าอะไรเลย

ได้มาแล้วก็ต้องสูญสลายไป

แต่คุณความดีที่เรากระทำลงไปในแต่ละครั้งเพื่อคนรอบข้าง

มันย้อนกลับมาเป็นความรัก ความสุขใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย

........................................

สะสมทรัพย์สมบัติทางใจ               ก็ไม่มีใครจะฉกชิงเอาไปได้

คุณความดีที่เพียรสะสมไว้             นำติดวิญญาณไปไม่สูญหาย

แต่กับสิ่งที่โลกมอบให้                   มีเพียงความยิ่งใหญ่ของฝ่ายกาย

มุ่งหาทรัพย์สมบัติสะดวกสบาย    พะวงไม่คลายกลัวหายสาบสูญไป

คุณความดีที่ควรยึดมั่น        เป็นความใฝ่ฝันยึดถือเอาไว้

สิ้นชีพนี้ก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใด        ที่ติดตัวไปได้เท่ากับคุณงามความดี

......................................

S