“ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม

ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ

(มาระโก 4:40)

.................................................

เมื่อสมัยยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ข้าพเจ้าเป็นคนขี้อายและกลัวทุกสิ่งรอบตัวที่แปลกไปจากปกติ

กลัวเพื่อนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด

กลัวอาจารย์ที่เสียงดังและดุแม้เพียงความผิดเล็กน้อย

ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากลัว  พระเจ้าทรงมอบให้ข้าพเจ้าทั้งสิ้น

…………………………….

อาจารย์ท่านหนึ่งที่ข้าพเจ้ารัก และท่านก็รักข้าพเจ้า

เป็นความรักที่ค่อนข้างพิเศษกว่าอาจารย์ท่านอื่นๆในโรงเรียน

เราสวดภาวนาร่วมกันสม่ำเสมอเมื่อถึงเวลาพัก

ท่านจะคอยเสริมกำลังให้ข้าพเจ้ายามข้าพเจ้าอ่อนแอ

แต่ท่านไม่ได้มีเฉพาะข้าพเจ้าที่เป็นศิษย์พิเศษที่รักท่าน

ยังมีศิษย์อีกคนที่รักท่านมากเช่นเดียวกัน

และเธอก็เป็นเพื่อนข้าพเจ้าด้วย

แต่เธอมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกับข้าพเจ้าโดยสิ้นเชิงในทุกด้าน

เธอกล้าหาญ เธอเด็ดเดี่ยว และไม่เกรงกลัวสิ่งใด

เธอไม่พึงพอใจนักกับการที่ข้าพเจ้าสนิทสนมกับอาจารย์ท่านนี้

หลายครั้งที่เธอพยายามแกล้งข้าพเจ้า

เอาดอกไม้ หรือการ์ดที่ข้าพเจ้าทำให้อาจารย์ท่านนี้ไปทิ้งเสีย

ข้าพเจ้าทำได้แค่ร้องไห้ และมองดูของที่ข้าพเจ้าทำให้อาจารย์นอนนิ่งอยู่ในถังขยะ

ทุกครั้งอาจารย์จะคอยปลอบโยนข้าพเจ้าและสอนข้าพเจ้าว่า

“เพื่อนของข้าพเจ้าเขาขาดบางอย่างในชีวิต ข้าพเจ้าควรให้อภัยเขา

แล้วสักวันเขาจะกลับมาเป็นคนที่น่ารัก”

ข้าพเจ้าจะทำเช่นใดได้เล่าเพื่อให้เขาเป็นคนที่น่ารักอย่างที่อาจารย์กล่าวไว้

ข้าพเจ้าขี้ขลาดเกินจะไปต่อสู้กับเขา

ข้าพเจ้าหวาดกลัวเกินจะไปยืนเผชิญหน้ากับเขา

อาจารย์ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนข้อความไว้ว่า

“พระเจ้าทรงรักน้ำผึ้งมาก

พระองค์จะเสริมกำลังให้น้ำผึ้งในสิ่งดีดีที่น้ำผึ้งกระทำ

พระเจ้าทรงล่วงรู้ถึงความรักและความเชื่อของน้ำผึ้ง

ที่มีต่อพระองค์ และต่อบรรดาธรรมิกชน....”

มันเป็นบทภาวนาที่ไพเราะมากสำหรับข้าพเจ้า

เพราะมันถูกแต่งออกมาจากดวงใจแห่งความรัก

ข้าพเจ้าพยายามฝึกฝนตนเองให้อดทนต่อการยั่วยุของเพื่อน

พยายามไม่ร้องไห้ และพยายามยิ้มให้เขา

ท่องบทภาวนาที่อาจารย์เขียนให้ทุกวันด้วยความเชื่อและไว้วางใจ

วันจบปีการศึกษา เป็นวันที่ข้าพเจ้าดีใจและภาคภูมิใจที่สุด

ยินดียิ่งกว่าการเรียนจบหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย

นั่นคือ เพื่อนคนนั้นเอาดอกกุหลาบมาวางบนโต๊ะข้าพเจ้า

พร้อมโน้ตแผ่นเล็กๆข้อความว่า

“เราไม่ได้เกลียดเธอนะ

แค่เรารำคาญเวลาเธอร้องไห้เท่านั้นแหละ

เราก็เลยชอบแกล้งเธอ

จบแล้วนะ  เข้มแข็งหน่อยละกัน”

…………………………………

“ความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา”

(2 โครินธ์ 5:14)

“เราจะไม่พิจารณาผู้ใดตามมาตรฐานมนุษย์อีก”

(2 โครินธ์ 5:16)

เพราะความรักของพระคริสตเจ้าทรงผลักดันข้าพเจ้า

ให้เจริญชีวิตตามคำสอนของพระองค์

เรียกร้องให้ประสาทสัมผัสทุกส่วนของข้าพเจ้าที่กำลังจะกระทำบาป

หยุดชะงักและกลับมาไตร่ตรองตนเองเสมอ

ก่อนที่จะไปตัดสินผู้อื่นกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขอให้ทุกกิจการที่ลูกจะกระทำ ผ่านการอนุญาตจากพระองค์

ด้วยมโนธรรมที่ดี และจิตสำนึกของความรักที่พระองค์ทรงมอบให้

“ด้วยความเชื่อ ความหวังและความรัก

ลูกน้อมภักดิ์  รักพระองค์ ไม่หน่ายหนี

ทุกกิจการ เปี่ยมเมตตา และปราณี

ล้วนเพิ่มพูน ความยินดี ในพระองค์

ให้จิตใจ อิ่มเอิบ ด้วยความเชื่อ

ในทุกเมื่อ ทุกเหตุการณ์ พระประสงค์

ถวายแล้ว ซึ่งชีวิต จิตจำนง

แด่พระองค์  ด้วยชีวิต จิตวิญญาณ”

……………………….

S