คริสตมาส เทศกาลแห่งความชืนชมยินดี เทศกาลแห่งความสุข เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ได้แวะเวียนกลับมาหาเราอีกครั้งหนึ่ง ผู้คนทั่วไปเฝ้ารอเทศกาลนี้ด้วยใจเป็นสุข เพราะจะเป็นโอกาสที่จะส่งความสุขให้แก่กันและกัน ด้วยของขวัญ เป็นทั้งผู้ให้และรับของขวัญในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามเราในฐานะที่เป็นครูคำสอน อย่าลืมความหมายที่แท้จริง ของการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสตมาสก็แล้วกัน อย่างแรก เราฉลองวันเกิดของพระเยซูเจ้า ผู้รับเอากายมาเป็นมนุษย์ มาอยู่ในประวัติศาสตร์มนุษย์ เพื่อทำให้ประวัติแห่งความรอด เป็นจริงตามที่บรรดาประกาศกได้ทำนายไว้แต่แรก

จะมีครูคำสอนสักกี่คน โอกาสเทศกาลคริสตมาสปีนี้ จะให้ความสำคัญแก่พระกุมารที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นอันดับต้น ๆ ระลึกถึงความหมาย ของคริสตมาสที่แท้จริง ขอบคุณพระบิดาเจ้าด้วยใจที่รู้คุณ และให้ของขวัญ แก่พระบุตรของพระเป็นเจ้า ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของพระกุมาร ก่อนการให้ และส่งของขวัญให้กับผู้คนรอบข้าง และพาตัวเราเองไปฉลองคริสตมาสอย่างสนุกสนาน หรือว่า ครูคำสอนในฐานะที่ต้องให้ความหมายคริสตมาสแก่นักเรียนของเรา จะให้ความสำคัญแค่การให้ และการรับของขวัญเท่านั้น

เราลองมาเลือกของขวัญวันเกิดถวายให้กับพระกุมารเยซูกันดีไหม? ว่าของขวัญชิ้นใดบ้างที่เราสามารถให้กับพระกุมารได้บ้าง

ของขวัญชิ้นที่ 1. ถวายภาระหน้าที่ในชีวิตประวันของเรา เป็นของขวัญแด่พระกุมาร น่าจะเป็นของขวัญดี เพราะพระเยซูเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เราได้พักผ่อนในพระองค์

“พระคริสตเจ้าทรงเป็นเจ้านายที่สุภาพอ่อนโยน ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนจิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” (มธ 11:28-30)

ของขวัญชิ้นที่ 2. ถวายการให้อภัยตัวเราและผู้อื่น มอบเป็นของขวัญแด่พระกุมาร เมื่อเราอภัยผู้อื่นและตัวเรา พระเยซูเจ้าให้อภัยเราด้วย และเราสมควรที่จะได้รับการอวยพรจากพระเยซูเจ้าและพระองค์ทรงฟังคำภาวนาของเราด้วย พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้าเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าผู้ใดบอกภูเขาลูกนี้ว่า

“จงยกตัวขึ้น และทิ้งตัวลงไปในทะเลเถิด” โดยไม่มีใจสงสัย แต่เชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจะเป็นจริง มันก็จะเป็นเช่นนั้น ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านวอนขอในการอธิษฐานภาวนา จงเชื่อว่าท่านจะได้รับ ท่านก็จะได้รับ ขณะที่ท่านยืนอธิษฐานภาวนา จงให้อภัย ถ้าท่านมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใด เพื่อว่าพระบิดาของท่านผู้สถิตบนสวรรค์จะทรงอภัยความผิดให้ท่านด้วย” (มก 11:22-26)


ของขวัญชิ้นที่ 3. ถวายความกลัวต่าง ๆ ในชีวิตของเรา เป็นของขวัญแก่พระกุมาร พระเยซูเจ้าไม่ต้องการให้เรามีความกลัวต่อเรื่องใด ๆ ตรงข้าม พระองค์ทรงต้องการให้เราดำเนินชีวิตด้วยจิตที่เข้มแข็ง มีความรักและสันติในจิตใจ

“พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา” (2 ทิโมธี 1: 7)

ของขวัญชิ้นที่ 4. ถวายความใจแคบที่จะเรียนรู้และอ่านพระคัมภีร์ เป็นของขวัญแด่พระกุมาร พระเยซูเจ้าต้องการให้เราอ่านและรำพึงถึงพระวาจาของพระองค์ทุก ๆ วัน เพื่อเราจะได้รู้ถึงความรัก, ความเมตตา และมีความเชื่อที่มั่นคงโดยผ่านทางพระวาจานั้น

“ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ทุกคนด้วยพระทัยกว้างโดยไม่ทรงตำหนิเลย แล้วเขาจะได้รับปรีชาญาณตามที่ขอ แต่เขาต้องขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย เพราะผู้ที่สงสัยนั้นเปรียบเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา คนเช่นนี้จะไม่ได้รับอะไรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นคนจิตใจโลเลไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของเขา”
(ยากอบ 1:5-8)

ของขวัญชิ้นที่ 5. ถวายหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก เป็นของขวัญแด่พระกุมาร ให้ความรักของเราแก่พระเป็นเจ้า, เคารพตัวเองและรักเพื่อนพี่น้อง เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พระเยซูเจ้าต้องการให้เรานั้นรักพระองค์ก่อนและค่อยขยายออกไปให้กับเพื่อนพี่น้องเหมือนอย่างที่เรารักตัวเอง พระองค์ตรัสเสมอ ๆ ว่า สิ่งนี้แหละเป็นที่พอใจของเรา สิ่งนี้แหละที่จะทำให้พระกุมารน้อยหัวเราะอย่างมีความสุขที่เราปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์

“ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน” (โรม 13:10)

“พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้” (มัทธิว 22: 36-39)

ของขวัญชิ้นที่ 6. ถวายการภาวนาด้วยความเชื่อ เป็นของขวัญแก่พระกุมาร พระเยซูเจ้าต้องการให้เราได้สวดภาวนาด้วยความเชื่อมั่นในพระองค์ พระองค์ให้พระหรรษทานเราอย่างพอเพียงในต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตของเรา แม้การวอนของของเราไม่สามารถยกอุปสรรคออกไปในชีวิตเราทั้งหมด นั่นแหละคือน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าที่จะให้ความทุกข์ยาก ความลำบากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา เพื่อเราจะได้ร่วมเดินบนเส้นทางกัลวารีโอในโลกนี้ไปพร้อมกับพระเยซูเจ้า

แล้วพระองค์ทรงพระดำเนินไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ทรงซบพระพักตร์ลงกับพื้นดิน อธิษฐานภาวนาว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วยนี้พ้นข้าพเจ้าไปเถิด ถ้าเป็นไปไม่ได้ ก็ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด” (มัทธิว 26:39)


“ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านวอนขอในการอธิษฐานภาวนา จงเชื่อว่าท่านจะได้รับ และท่านก็จะได้รับ” (มารโก 11:24)
ของขวัญทั้ง 6 ชิ้นนี้ ครูคำสอนจะเลือกชิ้นไหนให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่พระเยซูเจ้าดี? ถ้าะเลือกทั้ง 6 ชิ้นจะดีเป็นอย่างยิ่ง แล้วอย่าลืมชวนเพื่อน ๆ รอบข้างมาเลือกของขวัญมอบให้กับพระเยซูเจ้าในโอกาสวันคล้ายวันของพระองค์ด้วย
สุขสันต์วันเกิดคร้บพระเยซูเจ้า

“จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด ข้าพเจ้าขอย้ำอีกว่า จงชื่นชมเถิด จงให้ความอ่อนโยนของท่านทั้งหลายปรากฏแก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาใกล้แล้ว” (ฟิลิปปี 4:4-5).

 

.........................................................................................